Flora

 

 

 

 

 

 

 

 

.

 

 

 

 

 

 

 

 

.

บทความ: เจาะลึก “American Pie” ทุกภาค – หนังติดเรทระดับตำนาน

หากพูดถึงหนังแนวตลกวัยรุ่นที่เป็นตำนานและเต็มไปด้วยเรื่องราวสุดฮา “American Pie” ถือเป็นหนึ่งในหนังที่ครองใจผู้ชมทั่วโลกมายาวนาน นอกจากจะสร้างเสียงหัวเราะแล้ว ยังมาพร้อมกับฉากติดเรทที่กลายเป็นเอกลักษณ์ของแฟรนไชส์นี้อีกด้วย ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับทุกภาคของ “American Pie” และสำรวจความสำเร็จของหนังเรท R นี้ ที่ยังคงถูกพูดถึงจนถึงทุกวันนี้ ต้องขอบคุณข้อมูลเกี่ยวกับ American Pie แปลมาจากเว็บไซต์ https://www.rottentomatoes.com/m/american_pie

American Pie (1999): จุดเริ่มต้นแห่งตำนาน

“American Pie” ภาคแรกเป็นการเล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนสนิท 4 คนที่ต้องการสูญเสียความบริสุทธิ์ก่อนเรียนจบมัธยมปลาย หนังเต็มไปด้วยมุกตลกแบบไม่ยั้ง รวมถึงฉากที่กลายเป็นไอคอนิก เช่น ฉาก “พายแอปเปิล” ที่นำไปสู่ชื่อเรื่อง โดยความสำเร็จของภาคแรกนี้มาจากการผสมผสานระหว่างความฮาและความจริงใจที่เข้าถึงวัยรุ่นในยุคนั้น

  • นักแสดงนำ: Jason Biggs, Alyson Hannigan, Seann William Scott

  • รายได้รวมทั่วโลก: $235 ล้าน

ความสำเร็จของหนัง

“American Pie” ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม โดยสามารถทำรายได้รวมทั่วโลกกว่า 235 ล้านดอลลาร์ จากทุนสร้างเพียง 11 ล้านดอลลาร์ หนังยังเป็นจุดเริ่มต้นของแฟรนไชส์ที่มีภาคต่อและสปินออฟตามมาอีกหลายเรื่อง ทำให้ “American Pie” กลายเป็นตำนานที่ยากจะลืมเลือน

สรุป

“American Pie” (1999) ไม่เพียงแต่เป็นหนังตลกติดเรทที่สร้างเสียงหัวเราะ แต่ยังสะท้อนเรื่องราววัยรุ่นที่ต้องการค้นหาตัวเองในโลกที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและความกดดัน สำหรับใครที่มองหาหนังออนไลน์ 18+ ที่มีทั้งความสนุกและความหมาย “American Pie” คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด

  • คะแนนแนะนำ: 8/10

American Pie 2 (2001): ความสนุกที่เพิ่มขึ้นในฤดูร้อน

ในภาคนี้ กลุ่มเพื่อนกลับมาพบกันอีกครั้งในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยปาร์ตี้และความฮา เนื้อเรื่องเน้นถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์ที่เติบโตขึ้น แม้ว่าจะยังคงมีฉากติดเรทและมุกตลกสุดโต่งเช่นเคย แต่ภาคนี้มีความลึกซึ้งในเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครมากขึ้น ดู American pie 2 เต็มเรื่องคลิกได้เลยลิ้งค์ ตรงนี้

  • ไฮไลต์: ฉากที่ Jim พยายามสร้างความประทับใจให้กับ Michelle

  • รายได้รวมทั่วโลก: $287 ล้าน

  • ความนิยม: ตอกย้ำตำแหน่งของแฟรนไชส์ในฐานะหนังเรท R ที่สร้างเสียงหัวเราะได้ไม่หยุด

ความสำเร็จของหนัง

“American Pie 2” ทำรายได้รวมทั่วโลกกว่า 287 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการยืนยันความสำเร็จของแฟรนไชส์นี้ และยังคงสร้างฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นจนถึงทุกวันนี้

สรุป

“American Pie 2” (2001) ยังคงความสนุกและความแสบแบบต้นฉบับ แต่เพิ่มมิติของมิตรภาพและการเติบโตในช่วงวัยรุ่น สำหรับใครที่ชอบภาคแรก ภาคนี้คือการกลับมาเติมเต็มความสนุกแบบไม่ควรพลาด

  • คะแนนแนะนำ: 7.5/10

American Wedding (2003): งานแต่งงานสุดป่วน

ใน “American Wedding” เรื่องราวมุ่งเน้นไปที่งานแต่งงานของ Jim และ Michelle แต่แน่นอนว่าความป่วนจากเพื่อนๆ ยังไม่หายไปไหน โดยเฉพาะ Stifler ที่กลายเป็นจุดเด่นของภาคนี้ ด้วยมุกตลกที่จัดเต็มและฉากสุดฮาที่ไม่ควรพลาด

  • ไฮไลต์: การเตรียมงานแต่งงานที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย

  • รายได้รวมทั่วโลก: $231 ล้าน

  • ความนิยม: เป็นหนังออนไลน์ 18+ ที่เพิ่มความน่าสนใจด้วยธีมงานแต่งงาน

เรื่องราวเริ่มต้นด้วยการที่จิมขอแต่งงานกับมิเชลอย่างน่ารักน่าหัวเราะ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มต้นวางแผนงานแต่ง แต่แน่นอนว่าทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิด โดยเฉพาะเมื่อเพื่อนสุดเพี้ยนอย่าง สติฟเลอร์ (Seann William Scott) เข้ามามีบทบาทในงานแต่งนี้ สติฟเลอร์ต้องพยายามช่วยให้ทุกอย่างเป็นไปได้ดี แต่ความกวนประสาทของเขากลับสร้างปัญหาไม่หยุด รวมถึงการปะทะกับคู่กัดอย่าง ฟินช์ (Eddie Kaye Thomas) เรื่องราวเต็มไปด้วยสถานการณ์สุดฮา

American Wedding เป็นหนังคอมเมดี้ที่มอบเสียงหัวเราะและความสนุกให้ผู้ชมได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าบางช่วงอาจดูเวอร์ไปบ้าง แต่ถ้าคุณชอบอารมณ์ขันแบบไม่มีกรอบและแฟรนไชส์นี้อยู่แล้ว เรื่องนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน

คะแนน: 7/10

American Pie Presents: Band Camp (2005): สปินออฟภาคแรก

“American Pie Presents: Band Camp” เป็นภาคแรกในชุดสปินออฟที่เล่าเรื่องราวของ Matt Stifler น้องชายของ Stifler ผู้พยายามเดินรอยตามพี่ชายของเขา หนังเต็มไปด้วยมุกตลกที่เน้นความป่วนในค่ายดนตรี แม้ว่าอาจไม่ได้รับความนิยมเท่าภาคหลัก แต่ก็ยังคงเป็นหนังติดเรทที่มีแฟนคลับเฉพาะกลุ่ม

  • นักแสดงนำ: Tad Hilgenbrink, Arielle Kebbel

  • ความนิยม: เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบมุกตลกและฉาก 18+

American Pie Presents: Band Camp เป็นสปินออฟที่ให้ความสนุกสนานและเสียงหัวเราะในแบบฉบับที่เบาลงกว่าภาคหลัก เหมาะสำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบแฟรนไชส์นี้และต้องการติดตามเรื่องราวในมุมใหม่ แม้ว่าหนังจะไม่โดดเด่นเท่าภาคดั้งเดิม แต่ก็ยังคงเสน่ห์ในแบบของมันเอง

คะแนน: 6/10

American Pie Presents: The Naked Mile (2006): มาราธอนสุดป่วน

ภาคนี้เล่าเรื่องราวของ Erik Stifler ที่เข้าร่วมกิจกรรม “Naked Mile” ซึ่งเป็นการแข่งขันวิ่งแบบเปลือยในมหาวิทยาลัย หนังเต็มไปด้วยฉากฮาและฉากติดเรทที่ไม่เหมาะสำหรับผู้ชมวัยเด็ก

  • ไฮไลต์: ฉาก Naked Mile ที่จัดเต็มความกล้าของตัวละคร

  • ความนิยม: เป็นหนังเรท R ที่ถูกพูดถึงในหมู่คนชอบหนังออนไลน์ 18+

เอ๊ดดี้ ตัวละครหลัก เป็นชายหนุ่มที่เคยเป็นเด็กดีและเนิร์ด แต่เมื่อเขาได้ไปเยี่ยมพี่ชายของเพื่อนสนิทที่มหาวิทยาลัย เขากลับพบกับการปฏิวัติชีวิตในแบบที่ไม่เคยคิดมาก่อน โดยเขาต้องเข้าร่วมกิจกรรม “Naked Mile” หรือมาราธอนวิ่งเปลือยสุดฮาของเหล่านักศึกษา ในระหว่างการเข้าร่วมกิจกรรมนี้ เอ๊ดดี้ได้เรียนรู้บทเรียนชีวิต และความสัมพันธ์ทางเพศ รวมถึงความท้าทายของการเป็นผู้ชายในวัยรุ่น

American Pie Presents: The Naked Mile เป็นหนังที่ยังคงรักษาความฮาของแฟรนไชส์ไว้อย่างดี แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีความแปลกใหม่หรือความน่าประทับใจมากนัก มันเป็นหนังที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสนุกแบบเบาสมองและอยากตามต่อเรื่องราวของโลกของ American Pie โดยไม่คาดหวังอะไรมากไปกว่าการหัวเราะจากมุกตลกที่เต็มไปด้วยความทะลึ่งและสถานการณ์สุดป่วน

คะแนน: 6/10

American Pie Presents: Beta House (2007): ความป่วนในบ้านเบต้า

“Beta House” เป็นอีกภาคในชุดสปินออฟที่เน้นเรื่องราวในมหาวิทยาลัย Erik Stifler ต้องพิสูจน์ตัวเองในบ้านเบต้า หนังเต็มไปด้วยความฮาและความทะลึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของแฟรนไชส์

  • นักแสดงนำ: John White, Steve Talley

  • ความนิยม: เป็นหนังออนไลน์ 18+ ที่มีฉากฮาแบบจัดเต็ม

American Pie Presents: Beta House (2007) เป็นภาคที่สามในซีรีส์สปินออฟของ American Pie ซึ่งยังคงคงเน้นไปที่มุกตลกแบบทะลึ่งและสถานการณ์สุดฮาในโลกของวัยรุ่น แต่ในครั้งนี้ตัวละครหลักจะมาพร้อมกับการตั้งกลุ่ม “เบต้าเฮาส์” (Beta House) ที่ทำให้เรื่องราวมีการเปลี่ยนแปลงไปจากภาคก่อนๆ ซึ่งเน้นการสร้างปาร์ตี้สุดป่วนในมหาวิทยาลัย

American Pie Presents: Beta House เป็นอีกหนึ่งภาคในแฟรนไชส์ที่ยังคงความสนุกสนานและตลกขบขัน แต่ก็ไม่สามารถนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากภาคก่อนๆ ได้มากนัก สำหรับแฟนๆ ที่ชอบคอมเมดี้ทะลึ่งๆ และต้องการความฮาแบบเบาสมอง, หนังเรื่องนี้ก็ยังคงให้ความบันเทิงได้ดี แต่หากคาดหวังอะไรที่มีมิติหรือน่าสนใจลึกซึ้งกว่านี้ อาจจะผิดหวังบ้าง

คะแนน: 6/10

American Pie Presents: The Book of Love (2009): หนังสือคู่มือรัก

ในภาคนี้ กลุ่มเพื่อนค้นพบ “The Book of Love” หนังสือคู่มือที่เขียนโดย Jim’s dad แต่การนำไปใช้กลับนำไปสู่สถานการณ์สุดฮา หนังยังคงเน้นฉากเรท R และความป่วนที่ไม่ลดละ

  • ไฮไลต์: ฉากการค้นพบหนังสือคู่มือรัก

  • ความนิยม: แม้ไม่ได้รับคำวิจารณ์ดีนัก แต่ยังคงความเป็นหนังติดเรทที่ดูสนุก

American Reunion (2012): การรวมตัวครั้งใหญ่

หลังจากห่างหายไปนาน ภาคนี้เป็นการรวมตัวของตัวละครหลักจากภาคแรก ที่กลับมาพบกันในงานคืนสู่เหย้า หนังเต็มไปด้วยความคิดถึงและมุกตลกที่คนดูรุ่นเก่าชื่นชอบAmerican Pie Presents: The Book of Love (2009) เป็นภาคที่ห้าในซีรีส์สปินออฟของ American Pie ซึ่งในภาคนี้จะเน้นไปที่กลุ่มตัวละครใหม่ที่ค้นพบ “The Book of Love” หรือ “หนังสือคู่มือรัก” ซึ่งเต็มไปด้วยคำแนะนำและเคล็ดลับเกี่ยวกับความรักและเรื่องเพศที่เคยถูกเขียนไว้โดยกลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนเก่า เมื่อพวกเขาเริ่มใช้หนังสือเล่มนี้ในการจัดการกับชีวิตรักและเรื่องเพศของพวกเขา ก็เกิดเหตุการณ์สุดป่วนตามมา

  • ไฮไลต์: การกลับมาของตัวละครที่คนดูคิดถึง

  • รายได้รวมทั่วโลก: $235 ล้าน

  • ความนิยม: เป็นหนังเรท R ที่ครองใจแฟนๆ รุ่นเก่าและใหม่

American Pie Presents: The Book of Love เป็นภาคที่เหมาะสำหรับแฟนๆ ของซีรีส์นี้ที่ยังคงชอบอารมณ์ขันแบบทะลึ่งๆ และไม่ซีเรียส ภาพยนตร์พยายามเชื่อมโยงกับแฟรนไชส์หลักด้วยการนำตัวละครเก่ามาแสดง และการมีเคล็ดลับรักสุดฮาที่ทำให้มีความสนุกสนาน แต่มันก็ขาดความแปลกใหม่ในเนื้อเรื่องและตัวละครที่น่าจดจำ

คะแนน: 5/10

สรุปความสำเร็จของ “American Pie”

“American Pie” ไม่เพียงแค่เป็นหนังติดเรทที่สร้างความบันเทิง แต่ยังเป็นหนังที่สะท้อนเรื่องราวของมิตรภาพ ความรัก และการเติบโตในวัยรุ่น ด้วยมุกตลกสุดโต่งและฉากเรท R ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้แฟรนไชส์นี้ยังคงได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชมหนังออนไลน์ 18+ และหนังเรท R จนถึงทุกวันนี้ หากคุณเป็นแฟนหนังแนวนี้ “American Pie” ทุกภาคคือหนังที่ไม่ควรพลาด ด้วยเป็นหนังติดเรท18+ เรายังมีเว็บแนะนำ หนังออนไลน์18+ สามารถดูได้ที่ MovieHDfree.net